"เมื่อตะวันยอแสงเรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า พักลงตงนี้ที่เดิมแล้วหลับตา ชมลม ชมไทย จะพาเรี่ยวแรงคุณกลับคืน"

ชมไทย ชมไทยแลนด์ ชมลมชมไทย chomthai chomthailand โฮมสเตย์ วิถีชีวิต ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  โฮมสเตย์ วิถีชีวิต ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน

tag แท็ก: ศีล

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

บอร์ด ผู้เขียน ตอบ/ดู โพสต์ล่าสุด

ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บล็อกที่เกี่ยวข้อง

แบ่งปัน 3 วัน 2 คืน บวชเนกขัมมบารมี วัดปัญญานันทาราม
ได้รับความนิยม 1 ake_chomthai 2014-5-20 09:07
3 วัน 2 คืน บวชเนกขัมมบารมี วัดปัญญานันทาราม
จุดเริ่มต้นการฝึกปฏิบัติ เพราะเรื่องเรียน แต่สุดท้ายได้สมาธิ เริ่มต้นของข้าพเจ้าไที่ด้มีโอกาสมาฝึกสมาธิที่นี่ นั้นมีลำดับความเป็นมาดังนี้.... 1. หาสถานที่ฝึกสมาธิ ขั้นแรกเมื่อได้รับทราบจากอาจารย์ประจำภาคเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ถึงกิจกรรมการให้นักศึกษาได้ฝึกสมาธิ อย่างน้อย 3 วัน ตามวัตถุประสงค์ของ ชุดวิชาประสบการณ์วิชาชีพมหาบัณฑิต เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ข้าพเจ้าจึงได้ค้นคว้าหาข้อมูล การฝึกสมาธิจากสถานที่ต่างๆ จากข้อมูลทาง ตามเว็บไซด์ และเวบบอร์ดต่างๆ ทางอินเตอร์เนท และจากการสอบถามเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งเพื่อนๆ ที่สนใจในการฝึกสมาธิ ซึ่งได้รับคำแนะนำมาหลายที่ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่หัวใจหลักคือเน้นการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ รักษาศีลทำให้ มีจิตใจที่สงบ และเมื่อได้ข้อมูลสถานที่ปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิมาได้พอสมควรแล้วจึงได้ศึกษารายละเอียด หลักสูตรการปฏิบัติ สถานที่ ระยะเวลาความเป็นไปได้ในการฝึกอบรม 2. โครงการบวชเนกขัมมบารมี วัดปัญญานันทาราม เมื่อศึกษารายละเอียดสถานที่การอบรมแต่ล่ะแห่งแล้ว ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจมาฝึกปฏิบัติสมาธิในโครงการบวชเนกขัมมบารมี วัดปัญญานันทาราม ซึ่งเป็นหลักสูตร 3 วัน ตรงตามวัตถุประสงค์การฝึกปฏิบัติสมาธิของชุดวิชาประสบการณ์วิชาชีพมหาบัณฑิต เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา หลักจากตัดสินใจเลือกที่ฝึกสมาธิแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ไปชักชวนเพื่อนๆ ในรุ่นเพื่อเข้าร่วมฝึกปฏิบัติด้วยกัน และติดต่อประสานงานการเข้าฝึกปฏิบัติ แจ้งเวลาการเข้ารับการฝึกปฏิบัติ กับทางวัดปัญญานันทาราม วัดปัญญานันทาราม "วัดปัญญานันทาราม" สร้างโดยเจตนารมณ์พระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) ที่มุ่งมั่นให้ "สถานที่เป็นแผ่นดินส่วนนี้จะเป็นประโยชน์แก่พระศาสนาต่อไป สถานที่นี้เหมาะแก่การส่งเสริมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เป็นเหมือนโรงพยาบาลทางใจของชาวโลกทั้งหลายที่มีความทุกข์ ความเดือดร้อนวุ่นวายใจ เมื่อมาสู่สถานที่นี้ก็จะได้พบความสะอาด สว่าง และสงบ ในส่วนจุดมุ่งหมายของวัดปัญญานันทาราม ท่านกล่าวว่า "สร้างพระ สร้างคน สร้างเยาวชนของชาติ สร้างศาสนทายาทให้มีชีวิตอยู่ในโลกอย่างถูกต้อง ให้มีชีวิตเรียบร้อยตามหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในอํานาจวัตถุ มากเกินไป" “ การบวช เนกขัมมบารมี คือการสร้างบารมี ด้วยการงดเว้น ตัดในส่วนที่เกินเพิ่มในส่วนที่ขาดตามหลักบารมี 10 ประการ และเน้นวิถีชีวิตโดยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ” (พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาสวัดปัญญานันทาราม) หลักบารมี 10 ประการ ประกอบด้วย 1. ทานบารมี จิตพร้อมในการให้ทานเป็นปกติ 2. ศีลบารมี จิตพร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ 3. เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการถือบวชเป็นปกติ ในที่นี้หมายถึงบวชใจ 4. ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหารอุปาทานให้พังพินาศไป 5. วิริยะบารมี มีความเพียรในทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ 6. ขันติบารมี มีความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งอันเป็นปฏิปักษ์ 7. สันติบารมี ทรงตัวไว้ว่าเราจะทำจริงทุกอย่างในด้านของการทำความดี ไม่มีคำไม่จริงสำหรับใจเรา 8. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ 9. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น 10. อุเบกขาบารมี การวางเฉยในกาย เมื่อมันไม่ทรงตัว 3. ระเบียบปฏิบัติธรรมของเนกขัมมบารมี โครงการบวชเนกขัมมบารมี วัดปัญญานันทาราม มีระเบียบปฏิบัติดังนี้ หลักสูตรการฝึกอบรม หลักสูตร 2 คืน 3 วัน วันศุกร์ เน้นการเรียนรู้ ปริยัติศาสนา (ศีล) วันเสาร์ เน้นการปฏิบัติตามหลักปฏิฐาน 4 ปฏิบัติศาสนา (สมาธิ) วันอาทิตย์ เน้นการร่วมสืบสานความดี กิจกรรมเปิดวัดวันอาทิตย์ ปฏิเวธศาสนา (ปัญญา) ระเบียบปฏิบัติขณะอบรม 1. สมัครใจปฏิบัติภาวนา เก็บอารมณ์ งดการสนทนา ประพฤติตนตรงเวลาและแนะนำได้ 2. งดการติดต่อบุคคลภายนอก งดออกนอกบริเวณ งดการใช้เครื่องมือสื่อสาร 3. งดการนำอาหารหรือของขบเคี้ยวเข้ามารับประทานในที่พัก(อาหารมี 2 มื้อ กับน้ำปานะในตอนเย็น) เว้นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน งดเครื่องดื่มชูกำลัง/น้ำอัดลม และงดสิ่งเสพติดทุกชนิด 4. งดการใช้เครื่องประดับทุกชนิด เครื่องรางของขลัง(ยกเว้นนาฬิกา)และของมีค่าทุกชนิด(นำมาฝากกับเจ้าหน้าที่) 5. งดการส่งเสียงดัง งดการพูดคุยคลุกคลีเป็นหมู่ งดการเพ่งโทษผู้อื่น 6. งดการพูดคุยกับพระภิกษุ สามเณร หรือผู้ปฏิบัติธรรมชายหญิงสองต่อสองในที่ลับตา ในกรณีที่มีข้อสงสัยโปรดติดต่อกับพระวิปัสนาจารย์ 7. มีสติอยู่ในทุกอริยาบถและให้ถือว่าการทำงานและร่วมกิจกรรมทุกอย่างเป็นการปฏิบัติธรรม 8. มีน้ำใจรักษาความสะอาด ปิดน้ำ ปิดไฟ 9. มีป้ายชื่อติดตลอดระยะเวลาการฝึกอบรมฃ 10. ในกรณีที่ท่านต้องการร่วมทำบุญกับทางวัด ให้ทำบุญได้ที่สำนักงานกลางเท่านั้น โดยทางวัดจะออกใบอนุโมทนาบัตรไว้เป็นหลักฐาน(งดเว้นการถวายเป็นการส่วนตัว) สิ่งที่ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเตรียมมา 1. การแต่งการสีขาว เสื้อขาว/ผ้าถุงขาว กางเกงขายาวขาว กางเกงวอร์ม กางเกงหลวมใส่สบาย ผ้าสำหรับอาบน้ำ การแต่งกายที่ไม่ควรอย่างยิ่ง(นุ่งกางเกงรัดรูป ขาสั้น หรือแต่งกายไม่สุภาพ) 2. เครื่องใช้ส่วนตัว ยาส่วนตา บัตรประชาชนตัวจริง ส่วนเครื่องนอนไม่ต้องนำมา 3. น้ำดื่มมีจัดไว้บริการที่สำนักงานควรใช้ติดตัวตลอดเวลาการอบรม *ขวดน้ำนำมาคืนที่สำนักงานกลาง 4. ให้ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนและมือถือไว้ที่สำนักงานโดยมารับคืนวันออก เวลา 15.30 น. ตารางกิจวัตรประจำวัน เวลา 04.00 น. ตื่นนอน ทำภารกิจส่วนตัว เวลา 04.30 น. เจริญภาวนา เวลา 06.00 น. บำเพ็ญบารมียามเช้า เวลา 07.00 น. รับประทานอาหาร และเก็บภาชนะ เวลา 09.00 น. เจริญภาวนา เวลา 11.00 น. รับประทานอาหาร และเก็บภาชนะ เวลา 13.00 น. เจริญภาวนา เวลา 16.00 น. นำชมวัด / ทำความสะอาดบริเวณวัด / โยคะ และดื่มนำปานะ เวลา 18.30 น. สมาทานสิกขาบทและภาวนา เวลา 21.30 น. ผักผ่อนอิริยาบถอย่างมีสติ ฝึกปฏิบัติ โครงการบวชเนกขัมมบารมี วัดปัญญานันทาราม วันแรก ที่มาถึงวัด กับสัมผัสแรกที่รู้สึก การเดินทางมาที่วัดปัญญานันทาราม ข้าพเจ้าขับรถมาในเส้นทาง ถนนรังสิต – นครนายก เมื่อมาถึงคลอง 6 บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยราชมงคล ได้เลี้ยวขวาตามเส้นทาง เมื่อขับตรงมาเรื่อยๆ ในด้านขวาจะเป็นริมคลอง เราจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำ มีการทำกระชังปลา และการยอยก ได้เห็นผักบุ้ง และพืชน้ำลอยตามลำคลอง ทางด้านซ้ายมือจะมีบ้านคนเป็นระยะ สล้บกับท้องทุ่งนาที่เขียวสบายตา เมื่อเข้าใกล้วัดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเราเข้าใกล้ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ จิตใจก็ยิ่งสบาย อาจเป็นเพราะส่วนตัวเป็นคนที่ชอบเดินทาง ท่องเที่ยว เข้าหาธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เป็นได้ ทำให้ทุกๆ การเดินทางของผมนั่นมีความหมายเสมอไว้ว่าจะไปที่ไหน ปล่อยใจเรื่อยๆ ขับรถมาไม่นานก็มาถึง วัดปัญญานันทาราม พร้อมกับสายฝนที่ตกพร่ำๆ ลงมา ทำให้อากาศที่ร้อนๆ ในตอนกลางวันแบบนี้เย็นลงมาบ้าง เมื่อมาถึงวัด เราได้เห็นสิ่งก่อสร้าง ต่างๆ ภายในวัดที่สร้างได้กลมกลืมกับธรรมชาติ พร้อมทั้งต้นไม้ที่ขึ้นอยู่อย่างร่มเย็น ผมรอเพื่อนๆ ที่นัดเวลาไว้ ซึ่งได้เดินทางตามมาสมทบเรื่อยๆ จนครบ พวกเราทั้งหมดมากันด้วยชุดแต่งกายสีขาว เพื่อพร้อมรับการฝึกในวันนี้ จากที่จอดรถพวกเราเดินไปติดต่อบริเวณสำนักงานของวัด แจ้งพระเจ้าหน้าที่เราได้ติดต่อเข้ามาฝึกปฏิบัติไว้ล่วงหน้า เมื่อติดต่อแล้ว จะเป็นขั้นตอนของการรับฟังกฎระเบียบต่างๆ ในการฝึกปฏิบัติ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว ทางวัดจะให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ลงทะเบียน พร้อมฝากโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และเครื่องประดับต่างๆ ไว้ที่สำนักงาน หลังจากนั้น จะเป็นการแยกย้ายกันเอาของไปเก็บที่สถานที่พักซึ่งจะแยกส่วนการพัก ชาย และหญิง ในส่วนห้องพักชายที่ข้าพเจ้าได้พัก จะอยู่ใกล้บริเวณศาลาธรรมกลางน้ำ ที่พัก จะอยู่ในสวนป่า เงียบและสงบ ลักษณะของที่พักจะเป็นกุฏิเล็กๆ พอพักได้เพียงคนเดียว มีห้องน้ำ มีเสื่อ และหมอนหนุนตามความจำเป็น เริ่มฝึกปฏิบัติ ยังรู้สึกกังวล หลังจากที่ได้ลงทะเบียน นำสัมภาระเข้าที่พักแล้ว เราก็ได้มาฝึกปฏิบัติที่บริเวณศาลาธรรมกลางน้ำ ร่วมกับผู้ฝึกปฏิบัติท่านอื่นที่ได้ฝึกปฏิบัติอยู่ก่อนหน้าเราแล้ว ซึ่งในตอนนี้ข้าพเจ้ายังรู้สึกกังวล เหมือนยังปฏิบัติตัวไม่ถูกว่า จะต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง ทั้งๆ ที่เคยฝึกนั่งสมาธิมาบ้างแต่ก็นานมามากแล้ว เมื่อข้าพเจ้าเห็นผู้ฝึกปฏิบัตินั่งสมาธิกัน ก็เข้าไปนั่งร่วมด้วย ขณะนั้นพระผู้ฝึกก็ยังไม่ได้แนะนำอะไรมาก เพราะอาจเป็นการรบกวนผู้ปฏิบัติท่านอื่น ผมเองนั่งสมาธิโดย ยังไม่มีหลักอะไรมาก จิตใจยังไม่นิ่ง คิดอะไรไปต่างๆ นาๆ การนั่งสมาธิของผมในวันนี้เหมือนพยายามบังคับตัวเองให้ทำ มีความเมื่อยตัว เมื่อนั่งสมาธิไปสักระยะแล้ว พระผู้ฝึกก็สลับมาให้เดินจงกรม เป็นจังหวะพื้นฐาน การยกเท้า ย่างเท้า และเหยียบเท้า เดินไปแล้วก็เดินกลับเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่องซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้าก็ทำตามโดยไม่รู้ความหมาย หรือสิ่งที่พระผู้ฝึก ต้องการสื่อให้เราได้รู้การได้ ฝึกดังกล่าว ทำไปจิตใจยังกังวล และคิดเรื่องต่างๆ มากมายไม่ได้มีสมาธินัก เมื่อฝึกเดินจงกลมสลับกับนั่งสมาธิได้สักพัก ก็จะถึงเวลาตามโปรแกรมการฝึกอบรมวันแรก คือการนำชมวัด ให้เรารู้จักสถานที่ต่างๆ โดยมีพระวิทยากรค่อยแนะนำสถานที่ต่างๆ ภายในวัด เมื่อได้เดินสำรวจทำความรู้จักวัดและ กวาดทำความสะอาดวัดตามพื้นที่ที่ตัวเองได้รับผิดชอบแล้ว ก็ถึงเวลาดื่มน้ำปานะ และพักผ่อนทำธุระส่วนตัว ก่อนจะมาสมาทานสิกขาบทและภาวนาพร้อมกันในเวลา 18.30 น. ท่านรองเจ้าอาวาส ได้มาต้อนรับคณะผู้เข้าฝึกโครงการบวชเนกขัมมบารมี ในรุ่นนี้ที่ผม และเพื่อนๆ ได้เข้ามารับการฝึก มีการเปิดวีดิโอแนะนำวัดให้ทุกคนได้รู้จักประวัติของวัดปัญญานันทาราม ข้าพเจ้าได้รับฟังเกร็ดธรรมมะต่างๆ พร้อมสวดมนต์ทำวัดเย็น สลับกับการเดินจงกรม และนั่งสมาธิตามลำดับ... 21.30 น. ได้เวลาเข้านอนพักผ่อน ความรู้สึกในวันแรก ในวันแรกที่ได้รับข้าพเจ้าเองยังรู้สึกกังวลๆ กับการฝึก บางที่ก็เกิดความกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น จิตใจยังไม่นิ่งพอ มีความความคิดเรื่องต่างๆ มากมายเข้ามาในสมอง ทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว พยายามคิดให้ผ่อนคลายมากขึ้น จิตใจยังคิดถึง และมีคำถามกับตัวเองเรื่องเจตนา ความตั้งใจที่เรามาเพื่ออะไร เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเรียนใช่ไหม ยังไงเราก็ต้องฝึกปฏิบัติให้ครบหลักสูตรได้แน่ คืนแรกนั้นด้วยความเหนื่อยล้า และเมื่อยจึงทำให้หลับไปอย่างไม่รู้ตัว วันที่ 2 ของการฝึก เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น กิจวัตรของวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการฝึกในโครงการบวชเนกขัมมบารมี เริ่มจาก ตื่นนอนตอน 4.00 จากเสียงปลุกของทางวัด มีเวลาทำภารกิจส่วนตัวถึงเวลา 04.30 น. เจริญภาวนา นั่งสมาธิสลับเดินจงกม เวลา 06.00 น. บำเพ็ญบารมียามเช้า ทำความสะอาดบริเวณวัด รับประทานอาหาร และเก็บภาชนะ พักอิริยาบถ เวลา 09.00 น. เจริญภาวนาโดย นั่งวิปัสสนา 1 ชัวโมง สลับกับเดินจงกรม 1 ชั่วโมง รับประทานอาหาร และเก็บภาชนะ เวลาบ่ายโมง เจริญภาวนา สมาธิสลับเดินจงกรม ถึงเวลา 16.00 น. วันนี้มีการฝึกโยคะเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้มาก ฝึกโยคะเสร็จแล้ว ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณวัดและดื่มนำปานะ ตกค่ำเป็นกิจกรรมสมาทานสิกขาบทและภาวนา ได้เวลาอันเป็นสมควรก็เข้าพักผ่อนอิริยาบถที่พัก ความรู้สึกในวันที่สอง จากการได้ฝึกปฏิบัติซ้ำๆ หลายๆ รอบทั้งการนั่งสมาธิ และการเดินจงกม วันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตประจำวัน กิจวัตรต่างๆ ในวัดได้มาก รู้จักที่จะผ่อนคลายในยามที่เมื่อยตัว หรือปวดหลัง ไม่ฝืนทำจนเกินไป ได้ฝึกตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ ควบคุมจิตให้มีสมาธิ สนใจในสิ่งที่กำลังปฏิบัติได้มากขึ้น เริ่มเข้าใจความเป็นไปต่างๆ ในตนเอง การยกเท้า ย่างเท้า และเหยียบเท้า นั้นจะทำให้มีสติ มีความตั้งใจต่อเนื่องไม่ขาดช่วง เวลาสมาธิหลุดไปสนใจอย่างอื่น ก็จะทำให้สามารถกลับมาตั้งใจในสิ่งที่กำลังทำได้ ความรู้สึกวันนี้รู้สึกผ่อนคลายจากความกังวลต่างๆ และเข้าใจถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังปฏิบัติอยู่เป็นอย่างมาก วันที่ 3 ของการฝึก บทสรุปการปฏิบัติธรรม วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึกในโครงการบวชเนกขัมมบารมี กิจกรรมในยามเช้ายังคงเหมือนเดิมคือการตื่นนอนเวลา 4.00 น. เจริญภาวนา นั่งสมาธิสลับเดินจงกม ในเวลา 06.00 น. บำเพ็ญบารมียามเช้า ทำความสะอาดบริเวณวัด รับประทานอาหาร วันนี้มีกิจกรรมเปิดวัดวันอาทิตย์ ให้ประชาชนได้มาฟังธรรมจากหลวงพ่อปัญญานันทนี เจ้าอาวาสวัดปัญญานันทาราม บริเวณอุโบสถธรรมชาติ และกิจกรรมต่างๆ ของวัด เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมยามเช้า รอบบ่ายจะเป็นการร่วมสังคายนาพระไตรปิฏก โดยพระผู้ฝึกได้นำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาบรรยาย ให้ผู้อบรมได้ร่วมกันซักถามข้อสงสัยต่างๆ ให้เกิดความเข้าใจ ปิดท้ายด้วยการมอบใบประกาศโครงการบวชเนกขัมมบารมี ในกับผู้เข้าร่วมการฝึกทุกคน ความรู้สึกหลังจากได้ ฝึก ปฏิบัติธรรม สำหรับข้าพเจ้าครั้งนี้ถือว่าได้มาฝึกปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก โดยก่อนมาไม่ได้คิด หรือคาดหวังอะไรมาก คิดเพียงว่าที่นี่สงบดี มีความเป็นธรรมชาติและที่สำคัญได้มาทำตามหลักสูตรวิชาประสบการณ์วิชาชีพมหาบัณฑิต เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ที่ข้าพเจ้าศึกษาอยู่ให้เสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์ของชุดวิชา ที่ให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 3 วัน แต่เมื่อมาได้รับการฝึกแล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็คือ ความสงบของจิตใจ รู้สึกว่าตัวเองได้ใกล้ศาสนา ใกล้ธรรมะมากขึ้น โดยเฉพาะในขณะเดินจงกรมทำให้เราได้รู้ว่า การเดินอย่างช้าๆ ทำให้เรามีสติ มีสมาธิ มีจิตที่ละเอียดขึ้น และคิดได้ว่า การทำอะไรไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไป ถ้าเราค่อย ๆ ทำงานอย่างละเอียดรอบคอบก็สำเร็จเหมือนกัน ซึ่งสิ่งทีได้นี้เราสามารถนำกลับมาปฏิบัติเองและปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ ขอขอบคุณ วัดปัญญานันทาราม ที่ได้ฝึกอบรมทำให้ ข้าพเจ้าเป็นคนใจเย็นมากขึ้น มีความอดทน และได้รับความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธได้ลึกซึ้งขึ้น ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี และขอฝากท่านผู้อ่านที่ได้อ่านบทความนี้ ว่าถ้าใครมีโอกาสได้ ไปปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตามอยากให้ทุกท่านได้ไปกัน เพราะว่าการปฏิบัติธรรมมีประโยชน์ต่อตัวเราเอง เมื่อปฏิบัติแล้วจะทำให้เรามีจิตใจที่สงบมากขึ้น มองโลกในแง่ดี มีภูมิต้านทานด้านจิตใจ ในการใช้ชีวิตในสังคมในปัจจุบันมากขึ้น สุดท้ายข้าพเจ้าต้องขอบคุณคณาจารย์ ประจำแขนงวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่กำหนดหลักสูตรกิจกรรมนี้ให้กับนักศึกษาได้มีโอกาสได้ฝึกตนเองให้มีคุณธรรม จริยธรรม พร้อมไปกับวิชาความรู้ ให้นักศึกษาได้จบไปเป็นคนดีมีวิชาเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป สนใจ บวชเนกขัมมบารมี วัดปัญญานันทาราม และรู้จักวัดเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้ที่ http://watpanyanantaram.org/ เอก ชมไทย (function(d, s, id) { var js, fjs = d.getElementsByTagName(s) ; if (d.getElementById(id)) return; js = d.createElement(s); js.id = id; js.src = "//connect.facebook.net/th_TH/sdk.js#xfbml=1&version=v2.0"; fjs.parentNode.insertBefore(js, fjs); }(document, 'script', 'facebook-jssdk'));
15131 เข้าชม/อ่าน|7 แสดงความคิดเห็น

Powered by Discuz! X2.5 Patch R20130222

© 2001-2012 Comsenz Inc.

ขึ้นไปด้านบน