Detail

สำหรับทริปนี้ เป้าหมาของเราคือ สพภาพเมียนม่า หรือ ที่คนปกติ เรียกกันติดปาก ว่า ประเทศพม่า
ประเทสเพื่อนบ้าน บ้านใหล้เรื่อนเคียง เรานี่เอง
ทริปนี่เกิดจาก อยากสนองตัณหาตัวเองล้วนๆ อยากไปเห็น ป่าเจดีย์ที่พุกาม อยากไปเห็น
มหาเจดีย์ชเวดากอง
สักครั้งนึง แล้วโอกาสก็มาถึง มีโปรแอร์เชีย ออกมา เลยจัดการสอยเสียอย่าให้พลาด
โปรแกรม สำหรับทริปนี้ จองตัวไป 17 ก.ค. กลับ 22 ก.ค.เช้า เบ็ดเสร็จ ก็ 5วัน 6 คืน ก่อนไปแพลนคร่าวๆ
ไว้ว่า วันแรกไปถึงจับรถไป พุกามเลย นอนในรถ1คืน ถึงพุกามเช้า18 นอนพุกามคืน 18กับ19
คืน20นอนในรถกลับมา
ย่างกุ้ง คืน21นอนย่างกุ้ง1คืน เช้า22ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ ส่วนเรื่องที่ว่าจะไปเที่ยวไหน
แค่ตั้งธงไว้ว่า จะต้องไป ป่าเจดีย์ ป๊กปา กับมหาเจดีย์ชเวดากองให้ได้ ถ้าจะเที่ยวที่อื่นเพิ่มที่
ค่อยสดกันหน้างาน
ก่อนไปครั้งนี้ก็ทำการบ้านกันพอสมควรเลยทีเดียว ยิ่งทำยิ่งสนุกเพราะว่า
มันพาไปเกียวกับประวัติศาสตรไทย
(ส่วนตัวชอบเรื่องแนวๆนี้อยู่แล้ว เลยยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่) ยิ่งทำการบ้านไปเรื่องๆ ยิ่งเจอว่าประเทศนี้
มีอะไรน่าสนใจเยอะมากกกกกก

Comment : 1

จากคอนเซปว่า \\\" เที่ยวเองได้ ไม่ง้อทัวร์\\\" .... สารภาพตรงๆเลย
ว่า...งก
ไปเองถูกกว่าเยอะ
5555+
หลังจากทำการบ้านพอสมควร ดูๆไปแล้ว ไปไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย หลังจากรวบรวมข้อมูลจากหลายๆ
สำนักแล้ว+ประสบการณ์จริง ได้คร่าวๆว่า
1. อย่างแรกที่ต้องทำเลย คือต้องขอวีซ่า กราจอวีซ่าไปพม่านี่ก็ง่ายไม่ยุ่งยาก ไปทำที่สถานฑูตพม่า
อยู่ใกล้ๆ สถาณี BTSสุรศักดิ์ ลงสถาณีแล้วเดินไปนิดเดียวไม่ไกล ของที่ต้องใช้ ก็มี พาสปอร์ต+สำเนา
รูปถ่าย 2 นิ้ว2รูป เงินอีกคนละ 900 บาท ทำหนนึงวีซ่ามีอายุ 3 เดือน ไช้เวลา 3 วันทำการกว่าจะได้วีซ่า
2. การแลกเงิน ให้แลกเป็น US ดอลล่า ไปจากเมืองไทยแล้วค่อยไปแลกเป็น เงินจ๊าดที่พม่า
จากการหาข้อมูลจากหลายๆที่ แนะนำว่าให้อย่าแลกกับรัฐ ให้แลกข้างนอก จะได้เรทสูงกว่า
จากความคิดเห็นส่วนตัวนะ ที่ไปมาข้าพเจ้าไปแลกกับธนาคารที่เคาเตอร์ที่สนามบินเลย ตอนนั้น 998 จ๊าด =
1USดอลล่า คิดเป็นเงินไทยเลขกลมๆก็ 30จ๊าด = 1บาท พอดูๆไปแล้ว แลกกับรัฐหรือแลกข้างนอก
เรทต่างกันไม่กี่สตางค์ ยอมจ่ายเพิ่มไม่กี่สตางค์ เพื่อความสบายใจดีกว่าไม่เสี่ยงกับการโกงด้วย เวลาแลก

ป.ล. ที่พม่าเขาซีเรียสเรื่องสภาพของธนบัตรมากต้องเป็นใบที่ใหม่กริ๊บห้ามขาด ห้ามพับ เรื่องมากสุดๆ
ตอนแลกดอลล่าไปนี่ตอนแลกที่ร้านต้องบอกเค้าว่า เอาใบใหม่กริ๊บ เลยจะได้ไม่มีปัญหาเวลาไปแลกที่พม่า

3. เรื่องการสื่อสาร คุยกันสื่อสารกันง่ายในระดับนึง คนส่วนใหญ่พูด+ฟังภาษาอักกฤษได้ Taxi
คุยกันรู้เรื่องพอสมควร ร้านอาหารส่วนใหญ่ มีเมนูภาษาอังกฤษ ถ้าร้านเล็กๆ ก็อาจคุยกันเมื่อยมือหน่อย
แต่ก็สื่อสารกันรู้เรื่อง
ได้ข้อมูลคร่าวๆแล้วเตรียมลุย..... 555+..
ป.ล.ในรูปเป็นเงินจ๊าด แรกๆก็งงเหมื่อนกัน ไช้ไปสักพักถึงจะชิน แบงค์ใหญ่สุด เป็นแบงค์ 5000 ไม่มีในรูป
ป.ล.2 เรื่องการสื่อสารนี่ มีปัญหามากเรื่องการออกเสียงชื่อวัด ผันวรรณยุคต์ กันสนุกสนานสุดๆ

Comment : 2

ทริปนี้ใช้บริการ โปรของAirasian ของข้ามปีอีกเหมื่อนเดิม ครั้งนี้สมาชิก ไปกัน 4 คน ญ3 ช1
ใช้เวลาเดินเดินจาก ดอนเมืองไปถึงย่างกุ้ง ชั่วโมงครึ่ง
ส่วนเรื่องเวลา ที่พม่าช้ากว่าบ้านเรา 30 นาที เวลาใกล้เคียงกัน ไม่มีปัญหาเรื่องปรับตัว

Comment : 3

ไปถึงสนามบินย่างกุ้ง เกือบๆ 10 โมงได้ จัดการเรื่องการเข้าเมืองเรียบร้อยก็ 10โมงนิดๆได้
อย่างแรกเลยที่ต้องทำคือรีบไปหาตั๋วรถโดยสารไปพุกาม เที่ยวเย็นให้ได้ พอไปถึงเริ่มหาข้อมูลทันที
เริ่มต้นจากเคาเตอร์ Taxi ที่สนามบิน ได้ข้อมูลมาเยอะทีเดียว ค่ารถTaxi เข้าเมือง 2000 จ๊าด
แต่เราขอต่อรองว่าให้พาไปสถานีรถบัส เพื่อซื้อตั๋วไปพุกามก่อนได้ไหม คุยกันไปคุยกันมาเลยตกลงได้ว่า
เหมาTaxi พาเที่ยวย่างกุ้งซะเลย แล้วให้พาไปซื้อตั๋วพาไปเที่ยวแล้วพากลับมาส่งขึ้นรถไปพุกามตอนเย็น
เขาคิดช.ม.ละ 30000 จ๊าดได้ จัดการกดเครื่องคิดเลข หาร 4 แล้ว เบ็ดเสร็จคนละไม่กี่บาทคุ้มๆ
จัดไปเพื่อความสะดวก
ป.ล. ไม่กล้าถ่ายรูปที่สนามบิน กลัว... หลายๆคนบอกว่าที่พม่าห้ามถ่ายสถานที่ราชการ
เลยไม่กล้ายกกล้องขึ้นมา
ป.ล.2 Taxi ที่เหมาสภาพOK ไม่เก่า แต่ก็ไม่ใหม่ นั่งกัน 4คน+1คนขับ สบายๆ
ป.ล.3 คนขับรถ นิสัยดี ดูแลดีทีเดียว พูดอังกฤษดีทีเดียว ถูกใจก่อนจากกัน จะทิปไปให้ซะ

Comment : 4

ที่พม่า ขับรถชิดขวานะจ๊ะ... อันนี้เป็นปัญหาที่สุดสำหรับทริปนี้เนื่องด้วย บ้านเราขับชิดซ้าย
ทุกอย่จะตรงกันข้ามกับบ้านเราหมด งงสุดๆ
ตอนเช่าจักรยานที่พุกามก็เป้นปัญหามากๆ งงกับชิดซ้าย ชิดขวามากกกกกกกกกก

Comment : 5

จากสนามบิน ออกมา แปปเดียว คนขับก็พาเรามาซื้อตั๋วรถไป
ขาไปเราใช้บริการของ รถทัวร์ยี่ห้อ \" Ye Thu Aung \" รถใหม่ที่นั่งสบายทีเดียว
ถ้าเทียบกับบ้านเรา ก็ประมาณ สมบัติทัวร์ได้มั้ง ตอนซื้อตั๋วก็ยังแอบลุ้นว่ารถจะเป็นแบบไหนเหมื่อนกัน
555+

ค่ารถก็คนละ 18000จ๊าดได้มั้งถ้าจำไม่ผิด

Comment : 6

ขนส่ง เป็นตึกแถวเป็นบ.รถทัวร์อยู่ติดๆกันแบ่งเป็นซอยๆ ก็อารมณ์ประมาณ หมอชิดอันเก่าเรานี่ละ ก็ประมาณ
15 ปีที่แล้ว

Comment : 7

จัดการเรื่องตั๋วเสร็จ ก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองย่างกุ้ง อันนี้ทางผ่าน บ้าน Ladyบ้านคุณออกซาน ซูจี
คนพม่าเขาเรียกว่า Lady แฮะความรู้ใหม่ๆ เท่าที่เห็น คนพม่านับถือคุณอองซานกันมากๆ
ตามร้านบางร้านติดรูปคุณอองซาน ไว้ด้วย

Comment : 8

2 ใน 3สาวผู้ร่วมทรปนี้ สาวอีกคนที่เหลือคงไม่ต้องบอกว่าใครนะรู้ๆกันอยู่55+

Comment : 9

มื้อแรกของทริปนี้ .... เมนูนี้เรียกว่าอะไรจำไม่ได้ เป็นก๋วยเตียวแห้งเส้นอารมณ์ประมาณ
ขนมจีนโรยไก่ฉีก+หอมเจียว มีน้ำซอสออกหวานๆ และที่สำคัญเลี่ยนได้ใจ

Comment : 10

ติดตามๆ

Comment : 11

เรื่องการ จราจรนี่ วุ่นวายสุดๆ บีบแตรตลอดเวลา ไม่เข้าใจเหมื่อกันว่า จะบีบหาอะไรกันนักหนา
แต่ในความวุ่นวาย ก็มีมุมน่ารักๆ นะ

Comment : 12

จัดการกับเรื่อง ตั๋วไปพุกาม+เรื่องปากท้องเรียบร้อย ก็เริ่ม City tour ย่างกุ้งกันต่อเลย
ที่แรกที่รถเราพาไป ภัตตาคารเป็ดเหลื่อง เอ๊ย... ภัตตาคาร Karaweik แต่ตอนที่เราไปดันปิดซะงั้น
เลยได้แต่ด้อมๆมองๆอยู๋ข้างนอก

Comment : 13

จาก ภัตตาคาร Karaweik น่าจะเป็นมุมที่ชม มหาเจดีย์Shwedagon สวยที่สุดอีกมุมนึง

Comment : 14

วันที่ไปฝนตกตลอดทั้งวัน ฟ้าฝนไม่ค่อยเป้นใจ ถ่ายได้มาแค่นี้ก็ พอใจแล้ว

Comment : 15

ถ่ายได้แปปเดียวก็โดนฝนไล่มา 555+

ต่อไปขออนุญาต ไช้ภาษาอังกฤษ ทับศํพท์ชื่อสถานที่ เลยเพราะว่า การออกเสียงพม่า ในภาษาไทย ยากมากกกกกก
เวลาใครที่จะไปเที่ยวนี่ต้อง เขียนชื่อสถานที่ เป้นภาษาอังกฤษไปด้วยนะ ไม่งั้น เวลา
เราบอกชื่อสานที่จะมีปัญาเรื่อง ผันวรรณยุคต์ กันสนุกสนาน ตัดปัญหา เลย เขียนชื่อภาษาอังกฤษๆปด้วย
จบ...

ที่ต่อไป Chauk Htat Gyi ขอเรียกแบบไทยๆ ว่าวัดพระตาหวาน

Comment : 16

ที่มาของชื่อพระตาหวาน .... ตาท่านหวานมากกกกกกก

พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือพระตาหวาน เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร
เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า

Comment : 17

ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร
ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ

Comment : 18

หันมาส่องเด็กๆชาวพม่ากันบ้าง น่ารักดี

Comment : 19

เป็นภาพที่เห็นจนชินตา ตามวัดหรือในเจดีย์ ทุกที่ ต้องเห็น ชาวพม่า มานั่งหามุมสงบ นั่งสมาธิ
ทั้งคนหนุ่มสาว คนแก่ ฯลฯ ความศรัททา ในพระพุทธศาสนา ของพม่า นี่ เกิน 100 จริงๆ

Comment : 20

ทุกวัดจะเห็นพวงมาลัยดอกไม้ ไว้ไหว้พระ อารมณ์ประมาณ ดอกไมธูปเที่ยนบ้านเรา แต่ของที่พม่า
จะร้อยเป็นพวงๆ แต่กลิ่นดอกไม้หอมตลบอบอวนมาก จนต้องหยุดดมกันเลยทีเดียว ถามชื่อมาเหมื่อนกันแต่
ได้เป็นชื่อภาษาพม่ามา จำไม่ได้ เกินความสามารถไป555

Comment : 21

สาวน้อยขายของหน้าวัด น่ารักดี กว่าจะถ่ายได้ มา อายม้วนแล้วม้วนอีก

Comment : 22

จากพระตาหวาน เป้าหมายต่อไป Kaba Aye Pagoda

Comment : 23

เจดีย์ทรงกลมมีความสูงและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้เท่ากัน คือ 34 เมตร
พระประทานภายในหล่อด้วยเงินบริสุทธิ์น้ำหนักกว่า 500 กิโลกรัม สร้างโดยนายอูนุนายกรัฐมนตรีคนแรกของพม่า
เพื่อใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2497 – พ.ศ.2499
และเพื่อให้บังเกิดสันติสุขแก่โลก ล่าสุดใช้เป็นสถานที่ใช้ในการประชุมสงฆ์โลกเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.
2547 ที่ผ่านมา ที่สำคัญเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
พระธาตุของพระโมคลานะและพระสารีบุตร

Comment : 24

วันนี้ข้าพเจ้า เสียค่ากล้องด้วย 500 จ๊าดมั้งถ้าจำไม่ผิด

Comment : 25

Comment : 26

ถ้าจำไม่ผิด ช่วงที่ไปดัน พายุเข้าซะงั้น อยู่ที่ย่างกุ้งนี่ฝนตกตลอดเวลา เวลา ฟ้าไม่เป็นใจเอาซะจริงๆ
เป้าหมายต่อไปของเรา คือ Swe Taw Myat Bagoda เรียกง่ายๆในภาษาไทยว่า วัดพระเขี้ยวแก้ว

Comment : 27

ด้านใน ตรงกลางเป็นสีทองงามสง่า
ในบุษบกนี้มีพระเขี้ยวแก้วหรือพระทันตธาตุบรรจะอยู่

Comment : 28

เที่ยวมาตั้งแต่เช้า ที่พม่านี่ ทุอย่าง เป็นสีทองไปหมด จริงๆ

ตอนนั่งรถเข้ามาย่างกุ้ง มีป้ายCutout ขึ้นว่า Golden City สมชื่อจริงๆ

Comment : 29

อย่าง ที่นี่สร้างด้วยความอลังการจริงๆ บนเพดาน จะมีช่องแสงส่องลงมา ตรงกับ พระพุทธรูป 1 ช่อง
ต่อหนึ่งองค์

Comment : 30

เค้าตั้งใจให้ แสงส่องลงมากระทบกับ สีทองของพระพุทธรูป อลังการมากๆ

Comment : 31

ที่สุดท้าย สำหรับทัวร์ ย่างกุ้ง วันนี้ โรงช้างเผือก

หลายๆคนอาจสงสัยแม้แต่ โซเฟอร์ยังถามว่าทำใมไม่ไป Shwedagon ละ จริงๆแล้วตามแผนที่วางไว้ Shwedagon
เอาไว้เป็นไฮไลท์ วันสุดท้าย วางแผนจะเที่ยว Shwedagon ไว้วันสุดท้าย จัดหนัก 1 วันเต็มๆเลย

Comment : 32

เข้าไปเห็นนี้ถึงกับงง ไม่นึกว่าจะเผือกถึงขนาดนี้

ที่โรงช้างเผือกนี้ มีช้างเผือกยืนโรงอยู่3ช้าง (ช้างเผือกเรียกเป็นช้าง ช้างป่าเรียกเป็นตัว
ช้างบ้านเรียกเป็นเชือก นะจ๊ะ)

Comment : 33

ถ่ายมาแค่ 2 ช้าง ส่วนอีกช้างนี่หันก้นมาอย่างเดียว เลยไม่ได้ถ่ายมา

ทางพม่า+คนพม่านี่ รู้สึกจะภูมิใจกับช้างเผือกเหล่านี้มากๆ จริงๆแล้ว
เขามีป้ายยศหรือตำแหน่ง+ชื่อของแต่ละช้างไว้
อันนี้ก็เกินความสามารถจำไม่ได้อีกเหมื่อนเดิม แค่อ่านออกเสียงก็ยากม๊ากกกก

Comment : 34

หันไปเจอเณรน้อย หัวหลิม กำลังสนใจช้างอยู่ น่ารักดีเลยจัดซะ 1ใบ

Comment : 35

จบโปรแกรมทัวร์ย่างกุ้ง ประมาณบ่าย4 ได้เวลากลับไปที่ท่ารถพุกามแล้ว รถพไปพุกาม ออก18.00 น.
ยังพอมีเวลาเที่ยวเล่นหาของกินที่ บขส+ข้างเย็น สบายๆ

Comment : 36

ก่อนรถออกจัดการฝากท้องทานข้างเย็นกับร้านแถวๆบ.รถซะ ร้านนี้เลย อยู่ตรงหัวมุม เห็นคนเยอะดี
มีป้ายเมนูภาษาอังกฤษ เลยจัดไป1มื้อ

ร้านเล็กๆนี่จะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกันไม่เข้าใจเล็กน้อย ต้องคุยกันเมื่อมือเลยทีเดียว 555+

Comment : 37

อย่างแรกที่มาเลย เครื่องเคียง....????

มันคือแป้งทอด... ไส้แกงกะหรี่ ปอเปี๊ยทอด อะไรประมาณนั้น รสชาติOK จิ้มซอสคล้ายๆซอสพริก แต่ที่สำคัญ
กัดเข้าไปน้ำมันทะลักในปาก -
-"

Comment : 38

อันนี้น้ำซุป อร่อยไช้ได้ ไว้แก้เลี่ยนดีทีเดียว

ไอ้เจ้าทิชชู่นั้น ไม่ไช่สกปรกนะ คือน้ำมันเยอะจนทนไม่ได้ขอเอาทิชชู่ซับน้ำมันซะหน่อยเถอะ ไม่ไหวแล้ว
555+

แต่ที่น่าสังเกตุ คนพม่าทานมันขนาดนี้ ทำใมไม่เห้นคนอ้วนเลย ไม่เข้าใจ

Comment : 39

จัดของหนักแล้วต้องต่อด้วยของหวาน ข้าวโพดต้ม หวานดีทีเดียว

สำหรับพวกขนม ข้าวของเครื่องไช้ บะหมี่มาม่า ไวไว เห็นมีคล้ายๆของไทย บางอย่าง มาจากไทยด้วยซ้ำ
ไปเที่ยวพม่านี่ยังไงก้ไม่อดตาย เพราะมีทั้ง มาม่าไวไว 555+

Comment : 40

เที่ยววิ่งเลนซักพักก็ได้เวลาอันสมควร ... รถออก

หน้าตารถที่เราจะไปคืนนี้ หน้าตาดีทีเดียว ใหม่ไช้ได้

Comment : 41

ในรถก็ประมาณรถส้ม ป.2 บ้านเรานี่ละ ไม่มีห้องน้ำในรถ
ย่างกุ้ง-พุกาม นี่ไช้เวลาประมาณ 9-10ช.ม. ได้ รถแวะพักที่จุดพักรถเข้าห้องน้ำทานข้าว ทุก3ช.ม.

Comment : 42

บนรถมีแจกน้ำขนมเหมื่อนบ้านเราเดี๊ย... แต่ต่างกันตรงที่ เขามีแจกแปรงสีฟัน+ยาสีฟันด้วย
อันนี้อเมซิ่งสุดๆ

Comment : 43

จุดพักรถ ก็อารมณ์ประมาณบ้านเราเลย สงสัยจะมาดูงานที่บ้านเราแน่ๆ

แต่ที่จุดพักรถเขาดีอย่าง มีWIFI ฟรีด้วย

Comment : 44

รถออกจากย่างกุ้ง 18.00น.ได้ ถึง ท่ารถพุกาม ประมาณ 04.00น. ท่ารถที่พุกามนี่
เป็นห้องแถวชั้นเดียว6-7ห้องต่อๆ

พอลงรถก็จะมีเหล่าคนขับรถม้า คนเชียร์แขกเอ๊ย...ไม่ไช่ มารุมถามว่าพักที่ไหน เหมารถม้าไหม...
(เหมื่อนบ้านเราเลย 555+) แต่ทริปนี้เราจองโรงแรม Aung Mingalar Boutique ไว้อยู่ใกล้ท่ารถนิดเดียว
เดินไปไม่ถึง 5 นาที ไม่ต้องพึ่งรถม้า ประหยัดตังค์ 555+
โรงแรม Aung Mingalar Boutique นี่เราจองผ่าน Agoda ก่อนมา ราคาตามในเวปAgoda เลย โรงแรมสะอาดอีไช้ได้
มีแอร์+เครื่องทำน้ำอุ่น+อาหารเช้า ถ้าเทียบ มาตรฐานบ้านเรา น่าจะได้สักประมาณ 3 ดาว
ส่วนรูปโรงแรมนี่ลืมถ่ายมาขออภัย
ป.ล.1 ภาษาไทนเราเรียกพุกาม แต่จริงๆแล้วภาษาอังกฤษ อ่าน Bagan ต่อไปในรีวิว จะเรียก Bagan นะ
ป.ล.2 ปลั๊กไฟที่นั้นเขาไช้แบบ 3 รู แต่ปลั๊กไทยเสียบได้ไม่ต้องเอาตัวแปลงไป
ป.ล.3 ที่ Bagan ตอนที่ไปนี่มีปัญหาเรื่องไฟตกมากๆเวลาจะเสียบช๊าตอะไรก็ระวังๆหน่อย

Comment : 45

จัดการเอา สัมพารกไปเก็บไว้ที่ที่พักเสร็จ เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันต่อ
เรากลับไปหารถม้าที่ท่ารถที่เดิมที่เราลง
จัดการต่อลองราคาดูพระอาทิตย์ขึ้น+พระอาทิตย์ตกเบ็ดเสร็จตกคันละ 16000-18000จ๊าดนั่งได้คันละ 2
คนตอนแรกๆก็คิดอยู่เหมื่อนกันว่า ทำใมคันตั้งใหญ่ นั่งได้แค่2คน แต่พอนั่งไปสักครึ่งวันนี้ รู้สึกเลยว่า
แค่คันละ2คนก็พอแล้วกำลังดี สงสารคุณม้าที่ลากรถ ทั้งระยะทาง+ทางที่ส่วนใหญ่เป็นทราย+อากาศ
ถ้าคันละมากว่า2คนนี่ สงสารคุณม้ามากๆเดียวจะกลายเป็นทรมาณสัตว์เปล่าๆ

สำหรับที่ดูพระอาทิตย์ขึ้น รถม้าพาเราไปดูที่ Shwe san Daw Pagoda

Comment : 46

ระหว่างรอ เวทีการแสดงของเหล่า เจดีย์เปิดม่าน ยิงไปเรื่อยๆ

Comment : 47

ยิ่งฟ้าสาง เหล่ายอดเจดีย์ นับไม่ถ้วนก็ค่อยๆ โผล่เหนือยอดไม้

Comment : 48

ม่าน เวทีการแสดงของเหล่าเจดีย์นับพันๆ เปิดสู่สายตา...

Comment : 49

Comment : 50